เมื่อนำเข้ามาแล้ว พุทธวิชาการจำนวนมาก นำคำทั้งสองคำข้างต้นมาอธิบายพระไตรปิฎก โดยทำราวกับว่า คำทั้งสองคำนั้นเป็น “ความหมาย” ที่มีอยู่ดั้งเดิมพุทธเถรวาท
แต่ความเป็นจริงแล้ว คำทั้งสองคำข้างต้น ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก และไม่จำเป็นจะต้องนำคำทั้งคู่เข้ามาอธิบาย เพราะ คำต่างๆ ในพระไตรปิฎก เช่น สังขตะ อสังขตะ สมมุติบัญญัติ ปรมัถตบัญญัติ สัจจะ อริยสัจ เป็นต้น ก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายว่า สัจจะในทางพุทธศาสนาเป็นเช่นไร
เมื่อในทางพุทธเถรวาทมีคำเพียงพอที่จะอธิบายเนื้อความของพระไตรปิฎกแล้ว ทำไมพุทธวิชาการจะต้องนำคำทั้งสองเข้ามาใช้ในการอธิบายพระไตรปิฎกด้วย?
เหตุผลหรือคำตอบก็มีง่ายๆ ก็เพื่อต้องการอธิบาย/ตีความให้เป็นไปตามความคิด/ความเชื่อของพุทธวิชาการ ที่หันไปสมาทานหรือเชื่อวิทยาศาสตร์
คำที่มีในพระไตรปิฎกไม่สามารถอธิบายให้คนเราเกิดมาเพียงชาติเดียวได้ ไม่สามารถอธิบายให้นิพพานเป็นอนัตตาหรือสูญหาย ไปได้ จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องนำศัพท์ใหม่เข้ามาช่วย
ในทางปรัชญาตะวันตกนั้น มีคำศัพท์ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ว่า “จริง” นั้นมีอยู่ 5 คำคือ
1) ข้อเท็จจริง (fact)
2) ความจริง (truth)
3) ความเป็นจริง (reality)
4) ความจริงขั้นสุดท้าย (ultimate truth)
5) ความเป็นจริงสูงสุด (ultimate reality)
ในทางศาสนาพุทธ คำศัพท์ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ว่า “จริง” นั้นมีคำเดียวคือ “สัจจะ” คำทั้ง 6 คำดังกล่าว มีความเป็นมา สถานภาพ และความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อเปรียบเทียบคำที่เกี่ยวกับ “จริง” ในปรัชญาตะวันตกกับความหมายหรือข้อความที่ตรงกันกับข้อความของพุทธเถรวาทมี 4 คำ คือ ข้อเท็จจริง (fact) ความจริง (truth) ความเป็นจริง (reality) และ ความเป็นจริงสูงสุด (ultimate reality) [1]
ส่วนคำว่า ความจริงขั้นสุดท้าย (ultimate truth) นั้น ไม่มีข้อความใดของพุทธเถรวาทตรงกับความหมายนี้
พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายไว้ว่า ปรมัตถสัจ, อันติมะสัจ หมายถึง ความจริงขั้นสุดท้าย เช่น พระเวทของฮินดู
ความจริงขั้นสุดท้าย (ultimate truth) นี้ มุ่งหมายไปที่ข้อความของภาษา ขอให้สังเกตความหมายของคำว่า truth ดังนั้น จึงหมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ ของคัมภีร์
ความหมายของคำนี้ ไม่มีในศาสนาพุทธเพราะ ในพระไตรปิฎกนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระวินัย พระสูตร หรือพระอภิธรรม พุทธศาสนิกชนเห็นว่า มีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน
ส่วนคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จำนวน 4 คัมภีร์นั้น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูถือว่าคัมภีร์พระเวทมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคัมภีร์อื่น
ทำไม สมมุติบัญญัติ-ปรมัตถบัญญัติ จึงดูกลมกลืนกับศานาพุทธเถรวาท
คำว่า “สมมุติสัจจะ” กับ “ปรมัตถสัจจะ”ดูกลมกลืนกับศานาพุทธเถรวาทเป็นอย่างดี ก็เพราะ เรามีคำดั้งเดิมอยู่คือ สมมุติบัญญัติ-ปรมัตถบัญญัติ
พุทธวิชาการได้นำคำว่า “ปรมัตถสัจจะ”มาใช้แทนคำว่า ปรมัตถบัญญัติ ปรมัตถบัญญัติของพุทธเถรวาทมี 4 ประการ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
ปรมัตถบัญญัติ 4 ประการนั้น พุทธวิชาการอธิบายว่าเป็นปรมัตถสัจจะ
นอกจากนั้นแล้ว ความเชื่อดังเดิมของ “ปรมัตถสัจจะ”กับ “ปรมัตถสัจจะ”ก็เป็นของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งก็น่าจะเข้ามาปะปนกับคำอธิบายของอรรถกถาจารย์ผู้เขียนอรรถกถาจำนวนมาก พุทธวิชาการที่ชอบอ่านอรรถกถาจึงคุ้นเคยกับคำคู่นี้พอสมควร
---------------------------
อ้างอิง
[1] ขอให้อ่านบทความเรื่อง “ความจริงสัจจะ” กับ “ความจริง-นิวตัน-ไอน์สไตน์-ธรรมกาย” ในบล็อกของผู้เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น