บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

สมมุติสัจจะเป็นจริงอย่างไร

ผู้เขียนขออธิบายสมมุติสัจจะที่เป็นความจริงให้เห็นดังนี้คือ เรื่องเวลา  เวลาเป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา ตอนนี้ก็ใช้ตามมาตรฐานกรีนิช  แต่จะเห็นได้ว่า เวลานั้นเป็นความจริง สามารถนำมาใช้งานได้จริง เพราะ เมื่อเรานัดกับเพื่อนว่า จะเป็นเจอกันกี่โมง เมื่อเราไปตามนัดเราก็จะเจอเพื่อน

ถ้าเรื่องสมมุติไม่จริง ตามที่พุทธวิชาการยืนยัน เราก็ไม่มีทางที่จะพบเพื่อนได้

ขอยกตัวอย่างที่เป็นวิทยาศาสตร์สักนิด

กระสวยอวกาศ ยานอวกาศ หรือดาวเทียมต่างๆ นักวิทยาศาสตร์สามารถส่งขึ้นไปทำงานตามความต้องการได้ และกลับมายังโลกได้อย่างถูกต้อง ตรงกับเวลาที่กำหนดไว้ 

ถ้าเวลาอันเป็นของสมมุติ เป็นเรื่องไม่จริง ยานอวกาศก็จะไปไม่ถึงจุดหมายหรือกลับมาโลกไม่ได้แน่

ตัวอย่างที่ชัดเจนอีกประการหนึ่งก็คือ ค่าของเงินในธนบัตร  จะเห็นว่า ธนบัตรต่างๆ ขนาดกระดาษก็เท่าๆ กัน  กระดาษก็เป็นชนิดเดียวกัน  เมื่อกำหนดค่าโดยสมมุติให้ไปแล้ว กลับมีค่าที่แตกต่างกันไป 

ธนบัตรใบละ 500 บาท กับธนบัตรใบละ 1000 บาท เมื่อนำไปซื้อสินค้าก็ได้ปริมาณและคุณค่าของสินค้าที่แตกต่างกันไป  ถ้าเรื่องสมมุตินี้ไม่จริง  เราจะใช้เงินไปซื้อของได้อย่างไร  พ่อค้าแม่ค้ากับคนซื้อของคงทะเลาะกันตาย

โดยสรุป

คำว่า “สมมุติสัจจะ” กับ “ปรมัตถสัจจะ”นั้น ไม่จำเป็นจะต้องนำมาใช้อธิบายศาสนาพุทธเลย เพราะ เรามีคำเพียงพอที่จะอธิบายแล้ว มีคำคู่นี้เข้ามา  สร้างความสับสนวุ่นวายให้กับศาสนาพุทธมากกว่าที่จะสร้างประโยชน์

การที่พุทธวิชาการนำเข้ามาเพราะต้องการจะอธิบายให้ศาสนาพุทธมีเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตัน อันเป็นความเชื่อส่วนตน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ

สมมุติสัจจะ” กับ “ปรมัตถสัจจะ”ส่งผลยังไง

ผลเสียของคำอธิบายประเด็นที่เกี่ยวกับ “สมมุติสัจจะ” กับ “ปรมัตถสัจจะ”ของพุทธวิชาการส่งผลเสียได้หลายระดับ ทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวม

คำอธิบายของพุทธวิชาการกลุ่มนี้ ทำให้คนไทยที่ได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียน เข้าใจผิดไปว่า  กรรมไม่มีจริง  กรรมไม่สามารถส่งผลได้จริง  นรก สวรรค์ไม่มีจริง

คนที่เชื่อเรื่องทำนองนี้ เป็นคนโง่ ไม่มีเหตุผล  นอกจากสร้างความแตกแยกทางด้านความคิดให้กับคนในสังคมแล้ว  นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ โกงกินกันอย่างไม่กลัวบาปกรรม

จนประเทศไทยติดอันดับ ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นระดับต้นของโลก ก็เพราะ คำอธิบายของพุทธวิชาการพวกนี้นี่แหละ

ระบบคุณธรรม/จริยธรรม/ศีลธรรมของสังคมไทย  คนชั้นกลางที่ได้รับการศึกษาจากระบบโรงเรียนไม่มีใครปฏิบัติ  รู้ไว้เพียงเพื่อประดับความรู้ เพราะ คำอธิบายของพุทธวิชาการดังกล่าวได้ทำลายรากฐานระบบคุณธรรม/จริยธรรม/ศีลธรรมของสังคมไทยลงไป  โดยพุทธวิชาการคิดว่า ระบบคุณธรรม/จริยธรรมของสังคมตะวันตกจะเข้ามาทดแทนได้

แต่คนไทย ก็คือ คนไทย  ระบบคุณธรรม/จริยธรรมแบบสังคมตะวันตก ไม่เหมาะสมกับคนไทย  ไม่สามารถทำให้คนไทยเป็นคนดีของสังคมได้  จะเห็นได้ว่า สังคมไทยมีการสั่งสอนคุณธรรม/จริยธรรมแทบทุกอณูของวัฒนธรรม

เพลงก็มี หนังสือเรียนก็มี รายการโทรทัศน์ก็มี ลิเก ลำตัด ฯลฯ ก็มี แต่ระบบคุณธรรม/จริยธรรมของคนไทยยุคใหม่ก็ไม่ได้ดีขึ้น  จนกระทั่งรัฐบาลถึงกับต้องตั้งศูนย์คุณธรรม (Moral center) ขึ้นมา

ที่น่าตกใจมากก็คือ ถ้าความเข้าใจดังกล่าวนั้น จำกัดอยู่ในขอบเขตเฉพาะของพุทธวิชาการก็ยังจะพอรับกันได้ เพราะ พุทธวิชาการส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติธรรมกันอยู่แล้ว แต่ความเข้าใจผิดดังกล่าวนั้น แทรกซ้อนเข้ามาทำให้สายปฏิบัติธรรม 2 สาย คือ สายพอง-ยุบกับสายนาม-รูป ตีความศาสนาพุทธผิดไปด้วย

สายพอง-ยุบกับสายนาม-รูป ซึ่งมีต้นสายมาจากแหล่งเดียวกัน คือ พระภิกษุชาวพม่า จะอธิบายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในภพสามนี้ไม่จริงทั้งหมด เพราะ เป็นสมมุติบัญญัติ/สมมุติสัจจะ  แต่ จิต เจตสิก รูป นิพพานเป็นจริง เพราะ เป็นปรมัตถบัญญัติ/ปรมัตถสัจจะ

มีความเข้าใจผิดเท่านั้น ยังไม่พอ  ถึงกับไปดูถูกสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ ว่า เป็นแค่สมถกรรมฐาน  การปฏิบัติธรรมของพระพม่าเป็นวิปัสสนา ดีเลิศประเสริฐศรีที่สุด 

เมื่อคิดวิธีปฏิบัติธรรมแบบใหม่ขึ้นมาได้ คือ การพิจารณาความเป็นไปของรูปและจิตในปัจจุบัน จากอาการพองยุบของท้องที่เกิดจากลมหายใจ  แล้วถูกโจมตีจากพระภิกษุชาวพม่าด้วยกัน จึงจับยัดเข้าไปว่า การปฏิบัติธรรมที่ท่านคิดขึ้นนั้นเป็นสติปัฏฐาน 4 และเป็นวิปัสสนากรรมฐาน

ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ การพิจารณาความเป็นไปของรูปและจิตในปัจจุบัน จากอาการพองยุบของท้องที่เกิดจากลมหายใจ รวมถึงการเดินจงกรมสามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้

ในความเป็นจริงแล้ว การพิจารณาความเป็นไปของรูปและจิตในปัจจุบัน จากอาการพองยุบของท้องที่เกิดจากลมหายใจ รวมถึงการเดินจงกรมเป็นสติปัฏฐาน 4 นั้นเป็นความจริงที่ยอมรับได้  แต่การปฏิบัติธรรมเช่นนั้นไม่เป็นวิปัสสนากรรมฐาน เป็นแต่เพียงสมถกรรมฐานแบบใหม่ที่คิดขึ้นเท่านั้น

ประการสำคัญก็คือ การปฏิบัติธรรมเท่านั้น ไม่สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้

ผลเสียที่ร้ายแรงก็คือ คนที่ไปหลงเชื่อศรัทธา แทนที่จะทำความดีและปฏิบัติธรรมได้มากกว่านั้น เท่าที่เกิดมายุคหนึ่ง ก็ไม่ได้ความดีที่ควรจะเป็น

ความเห็นส่วนตัวของผมก็คือ ไปเชื่ออะไรกับพระพม่า ไปเชื่ออะไรกับของนำเข้า  พระภิกษุชาวไทยมีตั้งมากมาย ทำไมไม่เชื่อ...........

เราจะทำอย่างไรดีกับมโนทัศน์ “สมมุติสัจจะ” กับ “ปรมัตถสัจจะ

ผมมีข้อแนะนำดังนี้

1) ก็อย่าไปเชื่อ เพราะ ไม่ใช่คำดั้งเดิมของพุทธเถรวาท  คำดั้งเดิมของพุทธเถรวาทเรา เช่น เช่น สมมุติบัญญัติ-ปรมัตถบัญญัติ สังขตธรรม-อสังขตธรรม สังขตธาตุ-อสังขตธาตุ วิราคธาตุ-วิราคธรรม โลกียะ-โลกุตระ อริยสัจ 4 หรือปฏิจจสมุปบาท ฯลฯ เป็นต้น ก็เพียงพอแล้ว ในการสั่งสอนพุทธศาสนิกชน 

ไม่เห็นจำเป็นอะไรที่จะต้องนำคำว่า สมมุติสัจจะ-ปรมัตถสัจจะเข้ามาอธิบายศาสนพุทธเถรวาทอีก ก็อ่านไปเล่นๆ เพื่อความประเทืองปัญญาว่า  คนคิดผิดแบบนี้ก็มี

2)  ถ้าต้องการจะเชื่อ หรือเห็นว่า การนำเอาคำขององค์ความรู้อื่นๆ มาอธิบายและตีความศาสนาพุทธเถรวาทบ้าง อาจจะทำให้องค์ความรู้ของพุทธเราแตกฉานขึ้นไปอีก  ก็ควรใช้ให้ถูกหลักเกณฑ์ตามหลักภาษาศาสตร์ ไม่ใช่อธิบายให้ผิดเพี้ยนไปตามความเชื่อของตน

โดยสรุป
จากที่เขียนมาทั้งหมด จะเห็นว่า “สมมุติสัจจะ” กับ“ปรมัตถสัจจะ”ไม่ใช่คำดั้งเดิมในศาสนาพุทธเถรวาท  คำดั้งเดิมของพุทธเถรวาทคือ สมมุติบัญญัติ-ปรมัตถบัญญัติ ซึ่งก็เป็นจริงทั้งคู่ ไม่ใช่ว่า สมมุติบัญญัติไม่จริง แต่ปรมัตถบัญญัติเป็นจริง

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ มโนทัศน์เรื่อง “สมมุติสัจจะ” กับ“ปรมัตถสัจจะ”ไม่มีในพระไตรปิฎก เถรวาท  พุทธวิชาการนำเข้ามาเพื่ออธิบายศาสนาพุทธให้เป็นวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก ซึ่งถูกโค่นไปเรียบร้อยโรงเรียนฝรั่งแล้วโดยฟิสิกส์ใหม่..



1 ความคิดเห็น:

  1. Lucky Club - Lucky Club Live
    We are a UK licensed online gambling brand and we have partnered with the luckyclub UK's leading gambling and sportsbook brand Lucky Club. Bet big on your football, tennis,

    ตอบลบ